ประเด็นร้อน

''ธาริต'' บทเรียน ขรก.

โดย ACT โพสเมื่อ Apr 25,2017

 กรณีของธาริต เพ็งดิษฐ์ อาจจะเป็นอุทาหรณ์หรือตัวอย่างให้กับข้าราชการอีกหลายคนที่ "รับใช้การเมือง" เพื่อแลกกับผลประโยชน์บางอย่าง หรือเพื่อความอยู่รอดบางอย่าง แต่นาทีนี้ทุกอย่างได้พลิกผันกลายเป็นตรงข้ามเมื่อ "กรรม" กำลังตามมาเช็กบิลแบบเร็วทันใจ และเชื่อว่าโอกาสยังเหลืออีกไม่มากนัก แต่ถึงอย่างไรทุกอย่างก็ต้องไปพิสูจน์กันในชั้นศาล ซึ่งในปัจจุบันคือ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางหรือ "ศาลปราบโกง" ที่กำลังเดินเครื่องอย่างรวดเร็ว"


เรียกว่า "กรรม" ไล่หลังเร็วมากเหมือนกัน สำหรับชายที่ชื่อ "ธาริต เพ็งดิษฐ์" จากก่อนหน้านี้เคยยิ่งใหญ่ในฐานะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีบทบาทสำคัญเป็นมือไม้หลักในรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สำหรับการฟาดฟันฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ซึ่งเชื่อว่าตัวเอง คงไม่คาดคิดว่าจะมีวันนี้ เพราะไม่เช่นนั้นในอดีตคงไม่ระห่ำเกินบรรยายแน่นอน

หากบอกว่า "กรรมตามทัน" เห็นจะไม่ผิดนักจากเดิมที่เคยใช้ตำแหน่งหน้าที่ในฐานะอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่มีขอบข่ายอำนาจกว้างขวางเร่งรัดดำเนินคดีอาญากับ ทั้งข้าราชการและนักการเมืองที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลชุดก่อน มาบัดนี้ทุกอย่างกำลังกลับตาลปัตร กลายเป็นว่า ธาริต เพ็งดิษฐ์ กำลังถูกดำเนินคดีอาญาหลายคดียาวเป็น "หางว่าว" ทั้งคดีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ คดีทุจริต ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯลฯ ชนิดที่เรียกว่าระยะหลังต้องเดินขึ้นลงบันไดศาลเป็นว่าเล่น

ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้สรุปความผิดของเขาว่า "ร่ำรวยผิดปกติ" และถูกสั่งอายัดทรัพย์สินไว้เบื้องต้นจำนวนประมาณ 90 ล้านบาทจากทรัพย์สินทั้งหมดประมาณ 346 ล้านบาท

จากการเปิดเผยของ ปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติซึ่งรับผิดชอบคดีของธาริต เพ็งดิษฐ์ ได้เปิดเผยเรื่องดังกล่าว อีกว่าทรัพย์ของธาริต ได้ยักย้ายถ่ายเทไปยังญาติ คนใกล้ชิด เช่น ภรรยา ลูก หลานหรือแม้กระทั่งนายตำรวจติดตาม อย่างไรก็ตาม ทาง ป.ป.ช.จะเปิดโอกาสให้ชี้แจงที่มาที่ไป ของทรัพย์สินก่อน หากชี้แจงไม่ได้ก็จะถูกอายัดเอาไว้ก่อน พร้อมทั้งได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินในเชิงลึกอย่างต่อเนื่อง
          
ล่าสุด เมื่อวันที่ 23 เมษายนได้มีหนังสือชี้แจง คำสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการของ ธาริต เพ็งดิษฐ์ จาก พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้บังคับบัญชา (เนื่องจากธาริต ถูกคำสั่ง คสช.ย้ายมาเป็นที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเมื่อ 27 มิถุนายน 57) โดยเป็นการลงนามคำสั่งไล่ออกจากราชการให้มีผลตั้งแต่ วันที่ 3 เมษายน 2560 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นไปตามมติ ป.ป.ช. ที่มีมติชี้มูลความผิดและแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาได้ลงโทษตามกฎหมายมาตรา 80 (4) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542
          
ขณะเดียวกัน จากข้อมูลทางกฎหมายโดย วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีระบุว่า กรณีคำสั่งไล่ออกจากราชการดังกล่าวถือว่าสิ้นสุดแล้วหมดสิทธิ์อุทธรณ์ได้อีก เพราะเป็นการลงโทษทางวินัยตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติได้แจ้งมา
          
กรณีแบบนี้สำหรับข้าราชการคนหนึ่งถือว่าน่าเจ็บปวด เพราะนั่นหมายความว่า ผลจากโทษถูกไล่ออกจะไม่ได้รับเงินบำนาญหลังเกษียณอายุราชการ หรือพ้นจากราชการ ไปแล้ว
นี่ว่ากันเฉพาะกรณีนี้คดีนี้ ยังมีคดีอาญาอีกหลายคดีที่รอเขาอยู่ และคดีก็กำลังอยู่ในชั้นศาลแล้ว และตาม เส้นทางแล้วหากเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทุจริตก็จะต้องเดินไปที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติ มิชอบกลางหรือ "ศาลปราบโกง" ที่เวลานี้เริ่มทำงานแล้ว และจัดการนำคนทำผิดเข้าคุกมาแล้วหลายราย หมาดๆ ที่จำกันได้ก็คือกรณีของ "จุฑามาศ ศิริวรรณ" อดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่เพิ่งถูกยึดทรัพย์สิน และถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 66 ปี (จำคุกจริงไม่เกิน 50 ปี) ในคดีสินบนข้ามชาติ
          
ตามขั้นตอนเชื่อว่า ธาริต เพ็งดิษฐ์ ก็น่าจะเดินไป ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางหรือศาล ปราบโกงดังกล่าวนี่แหละ ซึ่งนั่นหมายถึงในบั้นปลายต้องลุ้นในเรื่อง "คุก" กันด้วยหัวใจระทึก

ขณะเดียวกันกรณีของ ธาริต เพ็งดิษฐ์ อาจจะเป็นอุทาหรณ์หรือตัวอย่างให้กับข้าราชการอีกหลายคนที่ "รับใช้การเมือง" เพื่อแลกกับผลประโยชน์บางอย่าง หรือเพื่อ ความอยู่รอดบางอย่าง แต่นาทีนี้ทุกอย่างได้พลิกผัน กลายเป็นตรงข้าม เมื่อ "กรรม" กำลังตามมาเช็กบิลแบบ เร็วทันใจ และเชื่อว่าโอกาสยังเหลืออีกไม่มากนัก แต่ถึงอย่างไรทุกอย่างก็ต้องไปพิสูจน์กันในชั้นศาล ซึ่งในปัจจุบันคือ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง หรือ "ศาลปราบโกง" ที่กำลังเดินเครื่องอย่างรวดเร็ว และสำหรับ ธาริต เพ็งดิษฐ์ ก็คงคิดไม่ถึงว่าจะมีชะตากรรมแบบนี้ คงคาดว่าระบอบทักษิณที่มาในรูปแบบ "รัฐบาลหุ่นเชิด" ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะพลังทลายจนตั้งตัวไม่ทันอย่าง ที่เห็น
เอาเป็นว่าทุกอย่าง "เป็นไปตามกรรม" ก็แล้วกัน !!

- - สำนักข่าว ผู้จัดการรายวัน วันที่ 25 เมษายน 2560 - - 
อ่านข่าวเพิ่มเติมที่ : www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx